2009-05-21

ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky)

ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Sibirskiy Haski) เป็นสุนัขขนาดกลางขนฟูแน่น จัดอยู่ในกลุ่มสุนัขใช้งานมีต้นกำเนิดทางตะวันออกของไซบีเรีย เพาะพันธุ์มาจากสุนัขในวงศ์สปิตซ์ มีลักษณะขม 2 ชั้นฟูแน่น, หางรูปเคียว, หูเป็นรูปสามเหลี่ยมตั้งชัน
และลายที่เป็นลักษณะเฉพาะแข็งแรง คล่องแคล่ว เต็มไปด้วยพลังและยืดหยุ่นเป็นคุณสมบัติที่สืบทอดจากบรรพบุรุษที่มาจากสิ่งแวดล้อมที่หนาวเย็นอย่างรุนแรงของไซบีเรียและการเพาะพันธุ์ของชาวชุกชี(Chukchi)ที่อาศัยอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเอเชียมันถูกนำเข้ามาในอะแลสกา ระหว่างช่วงตื่นทองที่เมืองนอมน์(Nome)
และแพร่เข้าสู่สหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดาในฐานะสุนัขลากเลื่อน ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นสุนัขเลี้ยงตามบ้านในภายหลังอย่างรวดเร็ว

ประวัติความเป็นมาสุนัข ไซบีเรียน ฮัสกี้

ในสุนัขทุกสายพันธุ์ที่ถูกพัฒนาพันธุ์เป็นผลมาจากบรรพบุรุษเดียวกันนั่นคือสุนัขป่าโบราณ(วงศ์ Canidae) สุนัขเอซคิโม(สุนัขลากเลื่อน)เป็นสุนัขที่มีภาพลักษณ์กระตือรือร้นอย่างไซบีเรียนฮัสกี้, ซามอย, และอลาสกันมาลามิว ที่สืบสายตรงจากสุนัขลากเลื่อน การวิเคราะห์ดีเอ็นเอที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆนี้ช่วยยืนยันว่ามันเป็นหนึ่งในสุนัขที่มีการเพาะเลี้ยงมาแต่โบราณดังที่เห็นได้จากอลาสกันมาลามิว คำว่า “ฮัสกี้(husky)” ได้มาจากชื่อที่ใช้เรียกชาวอินนูอิต(Inuit)ว่า”ฮัสกี้ส์(huskies)” โดยคณะสำรวจคนขาว(Caucasian)คณะแรกๆที่มาถึงแผ่นดินของพวกเขา ส่วนคำว่า “ไซบีเรียน(Siberian)” ได้มาจากไซบีเรียนั่นเองเนื่องจากความคิดที่ว่าสุนัขลากเลื่อนนี้ถูกใช้ในการข้ามสะพานแผ่นดิน(landbridge)ของช่องแคบเบอร์ริ่งที่เป็นทางเข้าสู่หรือออกจากมลรัฐอะแลสกา, ซึ่งทฤษฎีนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในหมู่ผู้ที่ทำการศึกษาค้นคว้า สุนัขที่สืบเชื้อสายมาจากสุนัขเอซคิโมสามารถพบได้ตลอดซีกโลกด้านเหนือจากไซบีเรียถึงประเทศแคนาดา, มลรัฐอะแลสกา, กรีนแลนด์, ลาบราดอร์(Labrador), และเกาะบัฟฟินค์(Baffin Island)

ไซบีเรียน ฮัสกี้ เริ่มเป็นที่รู้จักกันในอเมริกาเหนือเมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีมาแล้ว โดยนายวิลเลียม กูซัค พ่อค้าชาวรัสเซียที่เดินทางโดยใช้ไซบีเรียน ฮัสกี้ลากเลื่อนเข้ามาค้าขายขนสัตว์ทางเมืองนอม มลรัฐอลาสกา สหรัฐอเมริกา จากนั้นนายกูซัคได้นำทีมไซบีเรียน ฮัสกี้ เข้าร่วมการแข่งขันลากเลื่อนระยะทาง 408 ไมล์ โดยมีเงินรางวัลสำหรับผู้ชนะถึง 10,000 ดอลล่าร์ และแน่นอนเมื่อมีการแข่งขันก็ต้องมีการพนันเกิดขึ้น แต่ในการแข่งขันครั้งนั้นไม่มีใครให้ความสนใจลงเดิมพันกับเจ้าฝูงสุนัขตัวเล็กๆ ของกูซัคเลย เพราะมันยังไร้นาม ไร้ประวัติ ไร้คนรู้จัก ดูแล้วไม่น่าจะชนะได้เมื่อเทียบกับสุนัขทีมอื่นๆ ที่เคยได้ครองแชมป์ของที่นั่นมาแล้ว และด้วยขนาดตัวของไซบีเรียน ฮัสกี้ ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าสุนัขพื้นเมือง คนพื้นเมืองจึงเรียกสุนัขของกูซัคว่า “เจ้าหนูไซบีเรียน” (Siberian Rats) และสำหรับผลการแข่งขันในครั้งนั้น เจ้าหนูไซบีเรียน ก็ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง เพราะมันได้รับรางวัลยอดเยี่ยมในหลายการแข่งขัน และภายใน 2 ปี ชื่อของ เจ้าหนูไซบีเรียน จึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อสายพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ ดังเช่นปัจจุบัน และหลังจากนั้น

ในอีก 17 ปีต่อมาได้เกิดโรคคอตีบระบาดขึ้นในเมืองนอม เซรั่มที่จะนำมารักษาอาการเจ็บป่วยอยู่ไกลออกไปถึง 600 ไมล์ จึงมีการจัดสุนัขลากเลื่อนไซบีเรียน ฮัสกี้ 20 ตัว มีเจ้าบัลโต้ และมีนายลีโอนาร์ด เซพพาร่า ชาวนอเวย์ (หนึ่งในคณะที่มีแผนพิชิตการเดินทางโดยใช้ ไซบีเรียน ฮัสกี้ ลากเลื่อนจากขั้วโลกใต้สู่ขั้วโลกเหนือ แต่แผนการทั้งหมดต้องยกเลิกไปเนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1) อาสาเป็นผู้ขับเลื่อนไปรับเซรั่มกลับมาท่ามกลางพายุหิมะได้สำเร็จ และจากความสำเร็จในครั้งนั้นจึงได้มีการสร้างอนุสาวรีย์บัลโต้ ตั้งอยู่ที่นิวยอร์ค เซ็นทรัลปาร์ค เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับเหล่าสุนัขลากเลื่อนฝูงดังกล่าว

และหลังจากนั้นในปี 1930 จึงได้มีการกำหนดมาตรฐาน เพื่อให้เป็นมาตรฐานสายพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ ขึ้นอย่างเป็นทางการ และในที่สุดก็ได้รับรองมาตรฐานสายพันธุ์จาก สมาคมพัฒนาพันธุ์สุนัข ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ America Kennel Club (AKC)

รายละเอียดที่ได้จัดทำในส่วนของไซบีเรียน ฮัสกี้


ลักษณะนิสัยของสุนัข ไซบีเรียน ฮัสกี้

3 comments:

  1. ขอบคุณค่ะสำหรับความรู้ค่ะ ว่าแต่อาหารนี่ให้กินอะไร ยังไง ค่ะ

    ReplyDelete
  2. ลองเข้าไปดูที่นี่สิค่ะ ฟาร์มเค้าแนะนำการเลี้ยงเลย

    http://pet.kapook.com/view14312.html

    ReplyDelete