ในตอนนี้จะกล่าวถึงความสำคัญของการตรวจสุขภาพของช่องปากและฟันสุนัขอย่างละเอียดว่า ทำเพื่ออะไร มีความสำคัญอย่างไร และควรทำเมื่ออายุเท่าไร รวมถึงการเจริญพัฒนาของฟันสุนัข การงอกของฟันสุนัข ฟันแท้ ฟันน้ำนม โครงสร้างของฟัน หลายท่านอาจมีความรู้บ้างแต่อาจจะเข้าในโดยไม่ถ่องแท้ก็เป็นได้ เราสามารถคำนวณอายุสุนัขจากการดูฟันน้ำนมและฟันแท้ของสุนัขได้อย่างคร่าวๆ และจะทราบถึงว่าเมื่อฟันแท้ขึ้นครบแล้วแต่ยังมีฟันน้ำนมหลงเหลืออยู่จำเป็นต้องถอนออกหรือไม่
การตรวจช่องปากและฟันสุนัข (เพื่ออะไร , ทำได้อย่างไรและเมื่ออายุเท่าไร)
การตรวจช่องปากสุนัขอย่างละเอียดถี่ถ้วน มีความจำเป็นอย่างมากเนื่องจากจะสามารถบ่งบอกให้รู้ถึงสุขภาพโดยรวมของสุนัขว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะปัญหาในช่องปากและฟัน แน่นอนย่อมเป็นการเสี่ยงอย่างมากขณะทำการตรวจต่อตัวของสัตวแพทย์เอง ผู้ช่วย หรือแม้แต่ตัวเจ้าของเอง เพราะบางครั้งอาจเสี่ยงต่อการโดนสุนัขกัด สุนัขบางตัวสัตวแพทย์อาจแนะนำให้มัดปากก่อนหรือใส่ปลอกรัดปาก หรือใส่ตระกร้อ หรือบางกรณีอาจจำเป็นต้องให้ยาซึมหรือยาสลบเพื่อป้องกันการกัดในขณะที่สัตวแพทย์ทำการตรวจ
การวางยาซึมหรือยาสลบสุนัขในปัจจุบันนี้สามารถกล่าวได้ว่ามีความปลอดภัยเป็นอย่างมาก เจ้าของสุนัขไม่ต้องกลัวหรือกังวล สัตวแพทย์จะใช้ดุลยพินิจของตัวเองร่วมกับการตัดสินใจของเจ้าของ การตรวจช่องปากโดยละเอียดถี่ถ้วนนี้จะทำให้ทราบถึงสภาวะการเจ็บป่วยของสุนัขโดยรวมๆ ว่าเป็นอย่างไร มีปัญหาใดบ้างที่จำเป็นต้องป้องกันและแก้ไขเพื่อความปลอดภัยของสุนัขก่อนที่จะเกิดปัญหาร้ายแรงตามมา
ในช่องปากสุนัขจะมีเยื่อเมือกปกคลุมในส่วนของเหงือก ริมฝีปากด้านใน และด้านในของกระพุ้งแก้ม เยื่อเมือกนี้จะบ่งบอกให้รู้ว่าสุนัขอยู่ในสภาพขาดน้ำหรือไม่ ถ้าเยื่อเมือกมีสีชมพูและชุ่มชื้นก็แสดงว่าสุนัขมีสุขภาพดี แต่ถ้าเยื่อแห้งก็จะบ่งบอกว่าขาดน้ำ สาเหตุอาจเกิดจากการเสียน้ำจากกรณีปัสสาวะมากเกินไป ท้องเสีย หรือท้องมานก็ได้ ถ้าเยื่อเมือกซีดก็จะบ่งบอกว่าสุนัขมีปริมาณเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติหรือโลหิตจาง หรือสุนัขกำลังช็อค หรือถ้าเยื่อเมือกมีสีเหลืองก็จะบ่งบอกว่าเป็นดีซ่าน ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการวินิจฉัยโรคให้ตรงประเด็นยิ่งขึ้น ทำให้สัตวแพทย์วินิจฉัยได้ว่าสุนัขของท่านปกติหรือไม่ หรือน่าจะป่วยด้วยโรคหรือด้วยสาเหตุใดได้บ้าง เป็นแนวทางในการตรวจวินิจฉัยโรคเป็นลำดับๆ เพื่อหาทางรักษาสุนัขของท่านได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที
เยื่อเมือกในช่องปากที่ผิดปกตินอกจากจะขาดความชุ่มชื้น ซีด เหลือง และยังอาจพบว่ามีลักษณะเป็นแผลหลุม ซึ่งสามารถพบได้กรณีของการมียูเรียในกระแสเลือดมากเกินไป เนื่องจากสภาพความผิดปกติจากการทำงานของไต หรือเยื่อเมือกมีจุดเลือดออกเนื่องจากขาดเกล็ดเลือด ทำให้มีเลือดออกตามหลอดเลือดขนาดเล็กๆ ที่มาเลี้ยงบริเวณเยื่อเมือกของช่องปาก หรืออาจพบลักษณะตุ่มใสๆ ซึ่งอาจเกิดจากโรคทางระบบภูมิคุ้มกันของสุนัขก็ได้
การตรวจช่องปากสุนัขยังทำให้ทราบถึงสภาวะของโรคในช่องปากโดยเฉพาะ เช่น เหงือกอักเสบ สิ่งแปลกปลอมในปาก เนื้องอก ท่อของต่อมน้ำลายอุดตันหรือฉีกขาด หินปูน หินน้ำลาย ฝีที่ลุกลามจากรากฟันทำให้โพรงฟันอักเสบ ลิ้นอักเสบ ฟันน้ำนมที่ยังไม่หลุดเมื่อถึงอายุ 7 เดือน หรืออาจพบปัญหาฟันสึก ฟันแตก ฟันหักหรืออื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งจะนำไปสู่การวินิจฉัยโรคอย่างรวดเร็วและการรักษาอย่างถูกต้อง
การตรวจช่องปากและฟันของสุนัขที่มีสุขภาพปกติควรตรวจเมื่อสุนัขมีอายุได้ดังนี้
การตรวจช่องปากและฟันของสุนัขที่มีสุขภาพปกติควรตรวจเมื่อสุนัขมีอายุได้ดังนี้
อายุ
- ลูกสุนัข - 2 เดือน ควรตรวจดูว่าสบของฟันมีความผิดปกติหรือไม่ ฟันน้ำนมครบทุกซี่หรือไม่หรือมีการงอกของฟันผิดปกติหรือไม่
- 4-5 เดือน ควรตรวจดูว่าเริ่มมีการหลุดของฟันน้ำนม และมีการแทนที่ของฟันแท้หรือยัง การสบของฟันดีหรือไม่
- 6-7 เดือน ควรตรวจดูว่าฟันน้ำนมหลุดหรือยัง การงอกของฟันแท้มีทิศทางและตำแหน่งถูกต้องหรือไม่ ฟันขึ้นครบหรือไม่ มีฟันเกินฟันซ้อนหรือไม่
- 8 เดือนขึ้นไป ควรตรวจดูว่ามีหินปูน หินน้ำลาย ฟันแตก ฟันหัก ฟันบิ่น รากฟันอักเสบ รากฟันเป็นฝี โพรงฟันเป็นฝี หรือการอักเสบของขากรรไกร
การงอกของฟันน้ำนม ฟันแท้ และการเจริญพัฒนาของฟัน
ฟันของสุนัขมี 2 ชุด คือ ฟันน้ำนมและฟันแท้ ซึ่งฟันและซี่จะมีส่วนที่พ้นเหงือกออกมา ( Crown ) และส่วนที่ฝังอยู่ใต้เหงือกในขากรรไกร เรียกว่า รากฟัน ( Root ) โดยแสดงรายละเอียดดังนี้
- ส่วนของรากฟันที่พ้นเหงือก ( Crown ) คือ ส่วนที่เรามองเห็นได้ ปกติจะมีสีขาว
- เคลือบฟัน ( enamel ) คือ ส่วนที่ปกคลุมส่วนของฟันที่พ้นเหงือกออกมาลักษณะแข็ง ผิวเรียบ เป็นมัน
- คอฟัน ( neck ) คือ ส่วนสั้นๆ แคบๆ ของฟันที่โผล่พ้นเหงือก ( Crown ) ที่อยู่ชิดติดกับเหงือก
- เนื้อฟัน ( dentin ) คือ ส่วนประกอบหลักที่เป็นฟัน มีความแข็งแรงคล้ายกระดูก ส่วนที่โผล่เหงือกออกมา ( Crown ) จะถูกปคลุมด้วยเคลือบฟัน ( enamel )
- รากฟัน ( root of tooth ) คือ ส่วนของฟันที่ฝังอยู่อยู่ในส่วนของเหงือก
- โพรงฟัน ( pulp ) เป็นที่อยู่ของเนื้อเยื่ออ่อนของฟัน ซึ่งจะมีเฉพาะเส้นประสาทที่ทำหน้าที่รับความรู้สึก ร้อน เย็น แรงกด และในโพรงฟันจะมีเส้นเลือดมาเลี้ยงตลอดความยาวของคลองรากฟัน( root canal )
ฟันน้ำนมนี้จะคงอยู่ จนกระทั่งขนาดของขากรรไกรมีขนาดเพียงพอที่จะรองรับให้ฟันแท้งอกขึ้นมา ฟันแท้จะขึ้นครบทุกซี่เมื่ออายุได้ 6-7 เดือน ขึ้นอยู่กับขนาดของพันธุ์สุนัขว่าเป็นสุนัขพันธุ์เล็กหรือพันธุ์ใหญ่
ฟันน้ำนม
ฟันน้ำนมปกติจะพบได้เฉพาะในลูกสุนัขเท่านั้น ถ้าลูกสุนัขอายุเกิน 6-7 เดือนไปแล้วยังมีฟันน้ำนมหลงเหลืออยู่ถือเป็นเรื่องผิดปกติอย่างรุนแรง จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการถอนอย่างถูกวิธี
ฟันน้ำนมนี้จะถูกแทนที่ด้วยฟันแท้ โดยเริ่มตั้งแต่อายุ 2-3 เดือนในลักษณะของตุ่มหรือหน่อของฟันแท้ใต้เหงือก ในขณะเดียวกันกับที่รากฟันน้ำนมถูกทำลายและการดูดซึมด้วยกลไกของร่างกายสุนัข
ลูกสุนัขที่คลอดใหม่จะไม่มีฟัน ฟันน้ำนมในลูกสุนัขจะเริ่มงอกเมื่ออายุได้ 2-4 สัปดาห์ โดยฟันเขี้ยว (Canine tooth ) จะโผล่พ้นเหงือกขึ้นมาก่อน และจะขึ้นครบทุกซี่เมื่ออายุได้ประมาณ 8 สัปดาห์
ฟันน้ำนมจะมี 28 ซี่ ดังนี้
ฟันน้ำนมจะมีการพัฒนาที่ดีมากมีความยาวของรากฟันสัมพันธ์กับส่วนของฟันที่พ้นเหงือก( Crown ) กล่าวคือถ้าส่วนของฟันที่พ้นเหงือก ( Crown ) ยาว รากฟันซี่นั้นก็จะยาวด้วย ฟันน้ำนมของสุนัขจะคงอยู่ในปากสุนัขจนกระทั่งถึงเวลาที่ขากรรไกรมีขนาดเพียงพอที่จะทำให้ฟันแท้โผล่งอกพ้นเหงือกขึ้นมาได้ รากของฟันน้ำนมจะเริ่มถูกทำลายและดูดซึมอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ฟันน้ำนมมีการงอกขึ้นอย่างสมบูรณ์ และจะถูกแทนที่ด้วยฟันแท้ในตำแหน่งเดียวกัน เพราะเหตุว่าตำแหน่งของฟันน้ำนมจะเป็นที่อยู่ของฟันแท้นี่เอง จึงมีความสำคัญมากต่อการงอกของฟันแท้ ดังนั้นเมื่อลูกสุนัขอายุได้ 8 สัปดาห์ (2 เดือน) ควรได้รับการตรวจฟันว่าการสบของฟันมีปัญหาหรือไม่ หรือมีความผิดปกติแต่กำเนิดของทิศทางการงอกของฟันหรือตำแหน่งของฟันหรือไม่ ในกรณีเกิดมีปัญหาต่อฟันน้ำนมของสุนัข เช่น การชอกช้ำจากการกระทบกระแทกหรือการขึ้นผิดตำแหน่งหรือมีการติดเชื้อในฟันน้ำนมซี่ไหนก็ตาม ถ้ามีการพิจารณาแก้ไขโดยการถอนทิ้ง ควรกระทำด้วยความระมัดระวังอย่างมาก โดยต้องไม่กระทบกระเทือนหรือมีผลเสียต่อหน่อหรือตุ่มของฟันแท้ที่อยู่ใต้เหงือก เพราะจะมีผลต่อการงอกการเจริญพัฒนาของฟันแท้ อาจทำให้ผิดตำแหน่ง ทิศทาง ผิดรูปร่างของฟันแท้ได้
ฟันน้ำนมจะมี 28 ซี่ ดังนี้
ชนิดของฟัน | จำนวนคู่ | จำนวนซี่ |
ฟันตัด ( Incisor : I ) | ฟันบน | 3 คู่ |
ฟันล่าง | 3 คู่ | |
รวม | 12 ซี่ | |
ฟันเขี้ยว ( Canine : C ) | ฟันบน | 1 คู่ |
ฟันล่าง | 1 คู่ | |
รวม | 4 ซี่ | |
ฟันกรามน้อยหรือฟันก่อนฟันกราม ( Premolars : PM ) | ฟันบน | 3 คู่ |
ฟันล่าง | 3 คู่ | |
รวม | 12 ซี่ | |
รวมทั้งหมด | 28 ซี่ |
ฟันน้ำนมจะมีการพัฒนาที่ดีมากมีความยาวของรากฟันสัมพันธ์กับส่วนของฟันที่พ้นเหงือก( Crown ) กล่าวคือถ้าส่วนของฟันที่พ้นเหงือก ( Crown ) ยาว รากฟันซี่นั้นก็จะยาวด้วย ฟันน้ำนมของสุนัขจะคงอยู่ในปากสุนัขจนกระทั่งถึงเวลาที่ขากรรไกรมีขนาดเพียงพอที่จะทำให้ฟันแท้โผล่งอกพ้นเหงือกขึ้นมาได้ รากของฟันน้ำนมจะเริ่มถูกทำลายและดูดซึมอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ฟันน้ำนมมีการงอกขึ้นอย่างสมบูรณ์ และจะถูกแทนที่ด้วยฟันแท้ในตำแหน่งเดียวกัน เพราะเหตุว่าตำแหน่งของฟันน้ำนมจะเป็นที่อยู่ของฟันแท้นี่เอง จึงมีความสำคัญมากต่อการงอกของฟันแท้ ดังนั้นเมื่อลูกสุนัขอายุได้ 8 สัปดาห์ (2 เดือน) ควรได้รับการตรวจฟันว่าการสบของฟันมีปัญหาหรือไม่ หรือมีความผิดปกติแต่กำเนิดของทิศทางการงอกของฟันหรือตำแหน่งของฟันหรือไม่ ในกรณีเกิดมีปัญหาต่อฟันน้ำนมของสุนัข เช่น การชอกช้ำจากการกระทบกระแทกหรือการขึ้นผิดตำแหน่งหรือมีการติดเชื้อในฟันน้ำนมซี่ไหนก็ตาม ถ้ามีการพิจารณาแก้ไขโดยการถอนทิ้ง ควรกระทำด้วยความระมัดระวังอย่างมาก โดยต้องไม่กระทบกระเทือนหรือมีผลเสียต่อหน่อหรือตุ่มของฟันแท้ที่อยู่ใต้เหงือก เพราะจะมีผลต่อการงอกการเจริญพัฒนาของฟันแท้ อาจทำให้ผิดตำแหน่ง ทิศทาง ผิดรูปร่างของฟันแท้ได้
ฟันแท้
ฟันแท้ในสุนัขจะมี 42 ซี่ การงอกของฟันแต่ละซี่แต่ละชนิดจะปรากฎเมื่ออายุดังต่อไปนี้
ชนิดของฟัน | อายุ |
ฟันตัด ( Incisor : I ) | 2 – 5 เดือน |
ฟันเขี้ยว ( Canine : C ) | 5 – 6 เดือน |
ฟันกรามน้อยหรือฟันก่อนฟันกราม ( Premolars : PM ) | 4 – 6 เดือน |
ฟันกราม ( Molar : M ) | 5 – 7 เดือน |
จำนวนฟันแท้ 42 ซี่ แยกเป็นแต่ละชนิดดังนี้
ชนิดของฟัน | จำนวนคู่ | จำนวนซี่ |
ฟันตัด ( Incisor : I ) | ฟันบน | 3 คู่ |
ฟันล่าง | 3 คู่ | |
รวม | 12 ซี่ | |
ฟันเขี้ยว ( Canine : C ) | ฟันบน | 1 คู่ |
ฟันล่าง | 1 คู่ | |
รวม | 4 ซี่ | |
ฟันกรามน้อยหรือฟันก่อนฟันกราม ( Premolars : PM ) | ฟันบน | 4 คู่ |
ฟันล่าง | 4 คู่ | |
รวม | 16 ซี่ | |
ฟันกราม ( Molars : M ) | ฟันบน | 2 คู่ |
ฟันล่าง | 3 คู่ | |
รวม | 10 ซี่ | |
รวมทั้งหมด | 42 ซี่ |
ที่มา : ชมรมสร้างสรรค์สุนัขพันธุ์ไทย
No comments:
Post a Comment